ชีวิตประจำวันกับการเผาผลาญแคลลอรี่

ชีวิตประจำวันกับการเผาผลาญแคลลอรี่

ชีวิตประจำวันกับการเผาผลาญแคลลอรี่

         ตั้งแต่คุณตื่นมาไม่ว่าจะเวลาอะไรก็ตามจนกระทั่งหัวคุณไปถึงหมอนอีกครั้งคุณเดินไปกี่ก้าวตั้งแต่คุณลุกขึ้นจากเตียงอาบน้ำแต่งตัวจนมาถึงโต๊ะที่งานที่บริษัทแล้วก็กลับถึงบ้านในตอนเย็นหรือค่ำคุณรู้สึกเหนื่อยหอบสักครั้งไหม  สิ่งเหล่านี้บ่งบอกได้ว่า ในแต่ละวันคุณได้ทำอะไรที่เป็นการออกกำลังกายหรือไม่ และนั่นอาจเป็นสามารถที่ททำให้ทุกคนหันมาใส่ใจกับสุขภาพของตัวเอง เพราะชีวิตประจำวัน หน้าที่การงานของชนชาวพนักงานบริษัทนั้น หาเวลาออกแรงยังยาก อย่างได้พูดไปถึงการออกกำลังกาย

ชีวิตประจำวันกับการเผาผลาญแคลลอรี่

         และนี่เองที่เป็นสาเหตุให้ธุรกิจฟิตเนสเกิดขึ้นแทบจะทุกหัวมุมถนนมันเกิดขึ้นเพราะคนเราหันมาใส่ใจสุขภาพและอยากจะมีชีวิตที่มีสุขภาพที่แข็งแรงไปได้อีกนานแต่จริงๆแล้วเราจำเป็นต้องไปออกกำลังรวมกันในห้องแออัดใช้ห้องน้ำห้องแต่งตัวร่วมกับคนอื่นเพื่อที่จะได้ออกกำลังกาย เช่นนั้นด้วยหรือ แล้วลงท้ายมันทำให้คุณมีสุขภาพดีหรือไม่

ชีวิตประจำวันกับการเผาผลาญแคลลอรี่

         หากคุณตื่นนอนแต่เช้าเก็บที่นอนเอาผ้านวมไปตากกวาดห้องทำอาหารเช้าและล้างจานก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานนี่แหละคือการออกแรงออกกำลังโดยที่คุณไม่รู้ตัวและมันเป็นกิจวัตรที่สร้างกันได้หากคุณตื่นนอนให้เช้าพอและไม่ต้องไปเสียเวลาตอนเย็นที่ฟิตเนส 2 ชั่วโมง แต่เลือกที่จะกลับบ้านเร็วขึ้น ทำความสะอาดบ้านด้วยตัวเอง ทำอาหารเย็นล้างจาน พาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่น แต่นี้คุณอาจจะเผาผลาญแคลอรี่ไปมากพอพอกับการที่คุณไปเข้าฟิตเนสแล้ว

         การใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีวินัยไม่ต้องพึ่งเครื่องอำนวยความสะดวกมากเกินไปก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนักกับการมีสุขภาพดีและประหยัดไปในตัวคุณอาจจะไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ทุกวันเพราะมันก็เหมือนกับการออกกำลังกายแบบตั้งใจจะออกกำลังนั่นแหละ อาทิตย์หนึ่งคุณไปวิ่งบนเครื่องวิ่ง กี่ครั้ง คุณก็ลองเลือกเอาวันนั้นมาทำงานบ้านเอง มาเดินไปทำงาน หรือทำกิจกรรมใดใดที่ออกแรงมากขึ้น แค่นี้คุณก็ได้ออกกำลังกายแล้ว จะมีข้อเสียกว่าการไปออกกำลังกายในฟิตเนส หรือตามสวนสาธารณะบ้างก็ตรงที่มันไม่ Cool เท่านั้นเอง แต่ด้วยเศรษฐกิจในปัจจุบัน ถ้าคุณจะลองทำบ้าง มันก็เป็นการฉลาดใช้เงินที่ไม่เลวนะ

         ร่างกายคนเราถูกออกแบบมาให้เดินวันละ 10,000 ก้าว แต่ทุกวันนี้บางวัย 1,000 ก้าวยังเป็นไปได้ยาก เพราะเมืองไทยเมืองร้อน ถนนหนทางไม่เหมาะให้ใช้เท้าในการเดินทาง ทุกวันต้องเสียเวลาบนท้องถนน 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อไปทำงานและกลับบ้าน เวลาจะออกกำลังกายจึงเป็นเรื่องยาก การเข้าไปในห้างตอนเย็นก็เป็นวิถีชีวิตของคนทำงานไปแล้ว จะเข้าฟิตเนสสัก 2 ชั่วโมงจะเป็นอะไรไป แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราคิดนอกกรอบ และกลับมาใช้กิจวัตรประจำวันแบบคนสมัยก่อน มันไม่ได้ยากเกินไปหรอกหากคุณตั้งใจจริง

# เล่นกีฬา VS สันทนาการ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *