การนับแคลอรี่ สำคัญจริงเหรอ
เราคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างนะคะ ในหมู่ของคนลดน้ำหนัก หรือหมู่คนที่ชอบออกกำลังกาย เวลาที่เขาชอบพูดกันว่า นับแคลฯยัง , อย่าลืมนับแคลฯนะ , วันนี้กินไปกี่แคลฯ บลา ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งอาจจะสร้างความสงสัยให้กับพวกเราหลาย ๆ คนว่า แล้วไอ้การนับแคลอรี่เนี่ย มันสำคัญจริงหรอ มันช่วยอะไรล่ะ ? สำหรับท่านไหนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ วันนี้เราจะนำเรื่องเกี่ยวกับการนับแคลอรี่มาฝากค่ะ แอบกระซิบไว้นิดหนึ่งนะคะ ว่าการนับแคลอรี่เนี่ย เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการลดน้ำหนักเลยล่ะค่ะ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะคะ ไปชมกันเลยดีกว่าค่ะ
ก่อนจะไปถึงเรื่องแคลอรี่เนี่ยต้องขอเกริ่นเกี่ยวกับระบบการทำงานของร่างกายสักเล็กน้อยนะคะระบบที่ว่านั่นก็คือระบบเผาผลาญนั่นเองค่ะหากจะอธิบายให้เห็นภาพง่ายๆเกี่ยวกับเจ้าระบบนี้ก็คือในการใช้ชีวิตของเราแต่ละวันพลังงานเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากมากกค่ะเพราะเราต้องใช้พลังงานในกิจกรรมต่างๆตลอดทั้งวันไม่ว่าจะเป็นการทำงานการทำงานบ้านหรือแม้กระทั่งการขยับตัวเล็กๆน้อยๆทั่วๆไปในชีวิตประจำวันทุกการเคลื่อนไหวของร่างกายล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยพลังงานทั้งสิ้นค่ะแล้วพลังงานที่ว่านี้มาจากไหนล่ะ ?
พลังงานที่ว่านี้ก็มาจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั่นแหละค่ะ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และควรทานให้ครบ 5 หมู่นั่นเองค่ะ เพราะอาหารที่มีประโยชน์จะนำสารอาหารที่ดีเข้าสู่ร่างกาย และเปลี่ยนมาเป็นพลังงานที่มีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ ซึ่งระบบเผาผลาญก็ทำงานได้ดีต่างกันในแต่ละวัยค่ะ อย่างเด็กน้อยหรือเด็กวัยรุ่น เนี่ย เราจะเห็นว่าเขามักจะหิวบ่อย ๆ และทานค่อนข้างเยอะใช่ไหมคะ แต่จะทานเยอะแค่ไหนก็ไม่เห็นจะอ้วนเลย ในขณะที่พวกเราในวัยสัก 30 ขึ้นไป มักเจออาการอาหารไม่ย่อย หรือถึงแม้จะกินน้อยกว่าเมื่อก่อนแต่ก็ยังอ้วนอยู่ดี แถมอ้วนง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย นั่นเป็นเพราะว่าระบบเผาผลาญของเราเสื่อมลงนั่นเองค่ะ จะเห็นได้ว่าระบบเผาผลาญของแต่ละคนไม่เท่ากันนะคะ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ร่างกายคนเราต้องการแคลอรี่ต่อวันไม่เท่ากันค่ะ โดยปริมาณที่เหมาะสมในผู้ชายคือประมาณ 1,800-2,500 กิโลแคลอรี่ ส่วนผู้หญิงประมาณ1,500-2,000 กิโลแคลอรีต่อวันค่ะ
ในส่วนนี้เราจะไม่ลงลึกในเรื่องของแคลอรี่นะคะเอาเป็นว่าแคลอรี่เป็นหน่วยวัดพลังงานอีกหนึ่งหน่วยแล้วมันมีผลยังไงล่ะ ? ที่เกริ่นมาทั้งหมดจะขอสรุปให้เป็นภาษาง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ ในอาหารแต่ละชนิดมีปริมาณแคลอรี่ที่ต่างกัน เช่น ต้มเลือดหมู 1 ถ้วย ประมาณ 120 แคลอรี่ ข้าวขาว 1 ทัพพี 80 แคลอรี่ ฯลฯ พอรู้ดังนี้แล้วหลักการก็ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ
การรับพลังงานเข้าไปในร่างกายให้น้อยกว่าที่เราสามารถเผาผลาญได้แค่นั้นเองเมื่อรับปริมาณเข้าไปน้อยและใช้พลังงานเยอะร่างกายก็จะนำพลังงานที่สะสมอยู่ในร่างกายมาใช้หรือนำมาเผาผลาญซึ่งนั่นจะทำให้ไขมันหรือส่วนเกินของเราได้ถูกนำออกไปจากร่างกายค่ะหรือหากรับเข้าไปเกินก็แค่ต้องหาทางนำออกค่ะนั่นก็คือการออกกำลังกายนั่นเองค่า