ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย

ในปัจจุบันนี้หลายคนให้ความสนใจในเรื่องการออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งก็มีหลายๆ ครั้งเช่นกันที่มักจะได้รับความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการออกกำลังกาย โดยจะมีอะไรบ้างที่เข้าใจกันมาแบบผิดๆ และควรจะต้องทำการแก้ไขหรือเข้าใจให้ถูกต้องเพื่อการออกกำลังอย่างถูกวิธี และจะส่งผลต่อสุขภาพ พร้อมทั้งช่วยลดความอ้อนได้อย่างถูกวิธีอีกด้วย นอกจากนี้แล้วสำหรับการออกกำลังกายนั้นเรื่องโภชนาการก็มีความสำคัญยังต้องเลือกทานให้ให้เหมาะสม หรือการทานเพื่อลดไขมันส่วนเกิน อีกทั้งยังต้องรักษาระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด

 

 

  1. การวิ่งจะทำให้น่องยิ่งโต ขาก็ใหญ่ขึ้น

สำหรับหลายๆ คนโดยเฉพาะผู้หญิงที่มักจะเป็นกังวลในเรื่องของต้นขา น่องขา ที่ไม่อยากจะให้ใหญ่และไม่อยากจะวิ่งเพื่อบริหารร่างกาย ซึ่งการวิ่งจะทำให้กล้ามเนื้อมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเป็นกระบวนการทางร่างกายที่ทำให้กล้ามเนื้อจะขยายตัวและจะกลับสู่สภาพเดิมเมื่อหยุดพักจากการวิ่งไป

  1. การเวทเทรนนิ่งทำให้มีกล้าม

เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) เป็นการออกกำลังกายโดยการใช้แรงต้าน(Resistance Training) โดยใช้อุปกรณ์ เช่น ดัมเบล บาร์เบล รวมไปถึง การซิทอัพ การลุกนั่ง และการเวทเทรนนิ่งก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนมีกล้ามเสมอไป เนื่องจากการการสร้างกล้ามเนื้อจะต้องใช้เวลานานมาก และต้องยกน้ำหนักมากกว่าปกติแต่ยำจำนวนครั้งน้อยกว่า ซึ่งในทางกลับกันหากการเวทเทรนนิ่งที่มีน้ำหนักน้อยกว่าและยกจำนวนครั้งมากกว่าจะช่วยกระชับและสร้างกล้ามเนื้อลดไขมันได้

  1. งดดื่มน้ำขณะออกกำลังกายเพื่อฝึกความทนทาน

ร่างกายขณะที่กำลังออกกำลังกายจะระบายความร้อนออกจากร่างกาย ทั้งทางเหงื่อและการหายใจ ซึ่งจะทำให้ระดับในร่างกายลดลง สามารถที่จะดื่มน้ำได้ เพียง 1-2 อึกและจิบเมื่อรู้สึกกระหายน้ำ เพื่อเติมน้ำเข้าสู่ร่างกายเป็นระยะ สิ่งที่เป็นข้อห้ามก็คืออย่าดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ทีเดียวเพราะจะเกิดภาวะช็อคน้ำได้ จึงควรจะจิบน้ำในปริมาณที่เหมาะสม และไม่ควรดื่มน้ำปริมาณหรือแม้แต่งดการดื่มน้ำไปเลยก็ไม่ได้เด็ดขาด

  1. เหงื่อออกมากแสดงว่าเผาผลาญไขมันได้มาก

การที่ร่างกายมีเหงื่อออกมามากๆ ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นวิธีลดน้ำหนักอย่างถูกต้องและร่างกายจะเผาผลาญพลังงานได้ดี เพราะเหงื่อจะทำหน้าที่ในการช่วยร่างกายระบายความร้อนร่างกายที่เกิดจากกิจกรรมที่ทำ แต่สำหรับตัววัดว่าการออกกำลังกายจะเผาผลาญไขมันไปได้มากเท่าไร คือระดับอัตราการเต้นของหัวใจในระดับปานกลางขึ้นไปและจะต้องออกกำลังอย่างเหมาะสมเท่านั้น ซึ่งจะต้องสัมพันธ์กับความหนักและระยะเวลา โดยในเหงื่อมีส่วนประกอบของน้ำเป็นส่วนใหญ่และมากถึง 99% ในส่วนของ 1% จะมีสารต่างๆ ซึ่งมีอยู่น้อยมากๆ

  1. ยิ่งเจ็บยิ่งต้องออกกำลังกายส่วนนั้นซ้ำ

การออกกำลังกายที่หนักเกินไปเพื่อลดน้ำหนักจะส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บได้ และไม่ควรที่จะออกกำลังกายซ้ำบริเวณที่บาดเจ็บออกกำลังกายซ้ำเพื่อให้หายเจ็บ และควรพักการออกกำลังกายส่วนนั้นเป็นเวลาประมาณ 1 วัน จึงจะเริ่มออกกำลังกายใหม่ได้อีกครั้ง เป็นการช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ นอกจากนี้อาจจะเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอย่างอื่นแทนก่อน เพื่อให้แน่ใจว่ากล้ามเนื้อส่วนที่บาดเจ็บอยู่ จะได้หยุดพักฟื้นได้อย่างเต็มที่

 

 

การออกกำลังอย่างถูกวิธี และปรับเปลี่ยนความเชื่อผิดๆ

สิ่งที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรง จากการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงเรื่องโภชนาการอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ซึ่งสารอาหารที่ควรจะได้รับหลังออกกำลังกาย ซึ่งจะต้องเน้นกลุ่มโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ เพื่อช่วยซ่อมอวัยวะส่วนนั้น ซึ่งหากมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการออกกำลังกายจะยิ่งทำให้การออกกำลังกายที่ไม่ได้ผลและอาจจะเกิดผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้น ควรทำความเข้าใจใหม่ เกี่ยวกับผลกระทบต่างๆ และทำอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพภ์ที่ต้องการและได้เป็นที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน

 

 

# ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *