ผลไม้ประจำหน้าร้อนที่กินแล้ว “อ้วน” แบบไม่รู้ตัว
ปัญหาที่สาว ๆ หลายคนต้องเจอในยุคที่อาหารอร่อย ๆ แบบนี้ คือ “ความอ้วน” นอกจากจะทำให้น้ำหนักตัวสูงเกินมาตรฐานแล้ว ยังทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเองอีก แต่บอกเลยว่าข้อเสียของความอ้วนไม่ได้มีเท่านี้ ความอ้วนเป็นสาเหตุหลักที่จะทำให้เกิดโรคอ้วน นำมาซึ่งโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น หากคุณรู้ตัวว่าน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน ถึงเวลาหรือยังที่ต้องหันมา ลดน้ำหนัก เพื่อสุขภาพของตัวเอง
“ผลไม้” คือหนึ่งในมื้ออาหารที่คนลดความอ้วนเลือกกิน แน่นอนว่าผลไม้ให้ปริมาณแคลเลอรี่ที่ไม่สูง มีวิตามินซีและกากใยอาหาร มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ไม่ใช่ว่าผลไม้ทุกชนิดจะสามารถช่วย ลดน้ำหนัก ได้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ วันนี้เราจึงนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ “ผลไม้ที่กินแล้วอ้วน” มาบอกต่อกัน เพื่อที่เพื่อน ๆ จะได้ค้นหาตัวเลือกใหม่ ๆ ในการกินได้ง่ายขึ้น
- มะม่วง
ผลไม้ยอดฮิตในหน้าร้อนที่เป็นขวัญใจของใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็น ข้าวเหนียวมะม่วง , มะม่วงกวน , ไอศกรีมมะม่วง บอกเลยว่าอ้วนคูณสอง คูณสามไปอีก เพราะแค่เนื้อมะม่วงก็ให้ปริมาณแคลเลอรี่เยอะมาก เพราะว่ามะม่วงเพียงหนึ่งชิ้น เท่ากับ 100 แคลเลอรี่! แล้วกินทั้งลูกกี่แคลไม่ต้องพูดถึง
- ทุเรียน
ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ ทุเรียนคือผลไม้ที่กินแล้วอ้วนแน่นอน แค่พลูเดียวก็ปาไปหลายร้อยแคลเลอรี่ แล้วถ้ากินหลายพลูไม่ต้องพูดถึงว่าจะอ้วนแค่ไหน ยิ่งในช่วงหน้าร้อนแบบนี้กระแสของการกินทุเรียนกำลังมาแรง ขอให้สาว ๆ ทุกคนใจเย็น ๆ แล้วกินแค่หอมปากหอมคอพอนะจ๊ะ
- สับประรด
หลาย ๆ คนคงขมวดคิ้วแล้วงงว่ากินสับรดแล้วมันอ้วนยังไง ทุเรียน มะม่วง ยังพอเข้าใจได้ ถ้าเทียบปริมาณสับประรดหนึ่งชิ้น ( หนึ่งคำ ) มี 45 แคลเลอรี่ แต่การกินสับประรดจะมีใครกินแค่คำเดียว แค่ซื้อมาในรถเข็นก็ปาเข้าไปสิบกว่าชิ้น ลองคูณเล่น ๆ เท่ากับ 450 แคลเลอรี่!
- มะพร้าว
หน้าร้อนแบบนี้ต้องมะพร้าวสักลูก ช่วยเพิ่มความสดชื่น แต่หยุดก่อน แค่น้ำมะพร้าวยังโอเค แต่เนื้อมะพร้าวที่เป็นซิกเนเจอร์ของลูกมะพร้าวนั้น ปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 350 แคลเลอรี่ อยากบอกสาว ๆ ว่าเบาได้เบา กินไม่ต้องเยอะให้หนักพุง
รู้แบบนี้แล้ว สาว ๆ คนไหนที่กำลัง ลดน้ำหนัก ก็สามารถเลือกผลที่แคลเลอรี่ต่ำ ๆ ไม่ทำให้อ้วนได้แล้ว ขึ้นชื่อว่าผไม้ ไม่ได้แปลว่าจะกินแล้วไม่อ้วนเสมอไป ผลไม้แต่ละชนิดมีพลังงานและน้ำตาลในปริมาณที่ต่างกัน ดังนั้นควรกินแต่พอดีเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของตัวเราเอง