Ketogenic Diet คืออะไร
เกิดเป็นคำถามสำหรับใครหลายๆคนที่พึ่งจะหันมาดูแลสุขภาพรับประทานอาหารคลีนกันว่าแท้จริงแล้วKetogenic Diet คืออะไร มันสามารถส่งผลอย่างไรให้กับร่างกายของคนเรา ต้องบอกสรุปง่ายๆว่า คือเป็นสารอาหารที่รับประทานเข้าไปแล้วจะเข้าไปช่วยสลายไขมันที่อยู่ภายใน จนบางครั้งรู้สึกได้ว่าไม่มีอาหารอยู่ภายในเลย หรือเป็นการอดอาหารทิพย์แบบหนึ่งนั่นเอง อ่าวแล้วมันจะส่งผลอย่างไรให้กับร่างกายบ้าง ให้ประโยชน์มากกว่าโทษหรือเปล่า ก็ต้องไปดูกันเลย
Ketogenic Diet เป็นอีกหนึ่งการรับประทานอาหารแบบการลดน้ำหนัก ที่จะมีประโยชน์ในการเข้าไปช่วยเหลือการสลายไขมันที่เกิดจากเมนูอาหารต่างๆที่เราได้รับประทานเข้าไป ทั้งแป้ง คาร์โบไฮเดรต โปรตีนต่างๆ ที่ทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญที่เป็นการสลายไขมันภายในตัวร่างกาย จนทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าเบื่ออาหาร หรือเป็นการอดอาหารแบบอิ่มทิพย์นั่นเอง ซึ่งหลายคนก็อาจจะมองว่าแบบนี้ก็ให้โทษมากกว่าประโยชน์สิ
ซึ่งคำตอบนั้นไม่ใช่เลย มันก็คือการที่เราได้กินไขมันเข้าไปสู่ร่างกายแล้วทำการเปลี่ยนตัวไขมันให้กลายเป็นพลังงานที่จะถูกนำมาใช้ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่กำลังอยากออกกำลังกาย หรือควบคุมการรับประทานอาหารอยู่ ซึ่งวิธีนี้ก็เรียกได้ว่าเหมาะอย่างมากเลยทีเดียว และที่สำคัญอาจจะทำให้รู้สึกเหมือนว่าขาดการรับประทานอาหารแบบไม่ครบ 5 หมู่ แต่ถ้าต้องการที่อยากให้มีรูปร่างที่ลดน้ำหนักได้จริง ก็ต้องใช้วิธีที่โหดที่สุดอย่างวิธีนั่นเอง
และสำหรับวิธีการควบคุมดูแลรวมไปถึงวิธีการรับประทานอาหารแบบ Ketogenic Diet ควรจะต้องมีการรับประทานที่เป็นประเภทไขมันหรือน้ำมันเข้าไปสู่ร่างกาย แต่ต้องเป็นไขมันและน้ำมันที่เกิดจากธรรมชาติที่สุด และพวกตระกูลถั่วทั้งหมด โดยจะเป็นการหลีกเลี่ยงประเภทอาหารที่เป็นแป้ง น้ำตาลที่ให้ความหวาน สารคาร์โบไฮเดรต อาหารแปรรูปทุกประเภท และอาหารจำพวกข้าว ดูเหมือนว่าการรับประทานอาหารแบบนี้อาจจะไม่ครบ 5 หมู่ แต่ถ้าต้องการที่จะลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนก็ต้องใช้วิธีสุดโหดแบบนี้เข้ามาเป็นตัวช่วยเสริม
ซึ่งการที่รับประทานอาหารจำพวกไขมันหรือน้ำมันเข้าไปในร่างกายนั้น ส่วนใหญ่เป็นการนำสารอาหารทั้งหมดเข้าสู่ร่างกาย เพื่อที่จะได้นำไขมันเหล่านั้นมาเปลี่ยนผันกลายเป็นพลังงานแทน หรือที่เรียกได้ว่าการเผาผลาญพลังงานไขมัน ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่โหด แต่สามารถลดน้ำหนักและสามารถควบคุมรูปร่างได้จริงๆ ถึงอย่างไรการอดอาหารแบบรับประทานไม่ครบ 5 หมู่ก็ใช่ว่าจะเกิดประโยชน์เสมอไป เพราะวิธีนี้ควรทำอย่างน้อยไม่เกิน 2 ปี ไม่ควรที่จะมากกว่านั้น เพราะอาจจะทำให้ร่างกายมีปัญหาของระบบทางเดินต่างๆในร่างกาย และอาจจะกลายเป็นคนขาดสารอาหารทันที ถึงอย่างไรก็ตามวิธีที่ดีสุดคือการออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้วสำหรับการไดเอ็ท !!