ลดน้ำหนักอย่างไร ไม่ให้โยโย่
การที่มีหุ่นผอมเพียว กระชับ จะใส่เสื้อผ้าอะไรก็ย่อมดูดี เป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายหลายคนไม่ว่าจะทั้งหญิงหรือชาย ซึ่งในปัจจุบันการลดน้ำหนักก็มีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนักแบบทานอาหารคีโต หรือทานอาหารคลีน การเข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายในการลดน้ำหนัก หรือบางคนอาจจะใช้วิธีทานยาลดความอ้วนซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะวิธีไหนถ้าท่านทำไม่ถูกต้องก็อาจจะเกิดปัญหาสำคัญของการลดน้ำหนักนั่นก็คือ การโยโย่ของน้ำหนัก ที่ขึ้นและลงอย่างรวดเร็วนั่นเอง
โยโย่ เอฟเฟกต์ คืออะไร ?
การที่ภาวะของน้ำหนักตัวมีการขึ้นและลงอย่างผิดปกติ และมักจบด้วยน้ำหนักที่ขึ้นมากกว่า ตอนที่ยังไม่ลดน้ำหนักเสียอีก หรือน้ำหนักอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีวันหยุด ถึงแม้จากควบคุมอาหารและไปฟิตเนส ออกกำลังกายแล้วก็ตามเนื่องจากร่างกายมีไขมันที่เยอะมากจนเกินไปอีกทั้งมวลของกล้ามเนื้อที่ลดลงส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญ
สาเหตุ ของการเกิดโยโย่เอฟเฟกต์
- การลดน้ำหนักแบบทานยาลดความอ้วน และไม่ได้ออกกำลังกาย ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างรวดเร็วและอาจทำให้เสียชีวิตได้
- การลดน้ำหนักแบบอดอาหาร ซึ่งวิธีนี้ทำให้น้ำหนักลดได้จริงในตอนแรก แต่พอผ่านไปสักพักร่างกายจะสูญเสียมวลของกล้ามเนื้อ ทำให้ส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ท่านกลับมาทานอาหารอย่างปกติแล้ว น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดการโยโย่เอฟเฟกต์
ลดน้ำหนักอย่างไรไม่ให้โยโย่
- ห้ามอดอาหารเด็ดขาด ท่านสามารถทานอาหารได้ปกติแต่ห้ามอดอาหารเด็ดขาดเพราะการอดอาหารนั้นทำให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานน้อยลง ซึ่งเมื่อเรากลับมาทานปกติ ร่างกายก็จะเผาผลาญน้อยลงเช่นเดิม จึงทำให้น้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นเร็วอีกครั้งนั่นเอง
- คุมปริมาณอาหารในแต่ละมื้อให้พอเหมาะ ไม่ทานมากหรือทานน้อยจนเกินไปและควรหลีกเลี่ยงอาหารทอดผัดหรืออาหารที่มีไขมันสูงและทานอาหารที่มีพลังงานต่ำหรือจะเป็นการทานอาหารคลีนโตและอาหารคลีน
- ออกกำลังกาย หรือเข้าฟิตเนสพร้อมคุมอาหารอย่างสม่ำเสมอและไม่หักโหมจนเกินไป ในช่วง6เดือนแรก ควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
- นอนให้ครบ 8 ชั่วโมง บางคนอาจจะสงสัยว่าการลดน้ำหนักเกี่ยวอะไรกับการนอนหลับ ซึ่งต้องบอกเลยว่าการนอนหลับ ส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย ถ้าเราอดนอน จะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ส่งผลทำให้เราน้ำหนักขึ้นได้ และการนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงก็จะช่วย ควบคุมเวลาดับน้ำตาลและไขมันของร่างกายได้